อาการหนึ่งที่มักจะพบมากในหญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ ๓ เดือนขึ้นไป นั่นก็คืออาการของโรคกรดไหลย้อน วันนี้เรามีความรู้เรื่องนี้มาฝากกันค่ะ
คุณผู้หญิงหลายๆ ท่านเมื่อตั้งครรภ์ก็มักจะมีอาการมากมายตามมา ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของร่างกาย และที่เป็นกันมากเห็นจะเป็นอาการแพ้ท้องนั่นเอง ซึ่งอาการแพ้ท้องหลักๆ คือมีอาการคลื่นไส้ อยากอาเจียนหลังจากตื่นนอนตอนเช้า บางคนก็เป็นวันละหลายๆ ครั้ง ส่วนบางคนมีอาการแพ้ท้องแบบอยากอาหารแปลกๆ ที่ไม่เคยชอบมาก่อน บ้างก็ไวต่อกลิ่นบางชนิด
ทั้งนี้ยังมีอีกกลุ่มอาการหนึ่งที่แม้ว่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีสาเหตุมาจากการแพ้ท้อง แต่มักจะพบมากในหญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ ๓ เดือนขึ้นไป นั่นก็คืออาการของโรคกรดไหลย้อน
อาการโรคกรดไหลย้อนในหญิงตั้งครรภ์
- รู้สึกเปรี้ยวหรือขมในปาก เรอเปรี้ยวบ่อยครั้ง
- จุก เสียด แน่น ท้องอืด อึดอัดท้อง
- อาการเด่นคือแสบร้อนยอดอกหรือบริเวณลิ้นปี่ คล้ายโรคหัวใจ
- บางคนมีอาการไอเรื้อรัง เสียงแหบ ตามมาด้วย
เป็นต้น
อาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นหลังรับประทนอาหารเสร็จใหม่ๆ ทั้งนี้อาการกรดไหลย้อนในหญิงตั้งครรภ์ สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ที่ไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อนเลย หรือคนที่เป็นโรคนี้อยู่แล้วก็อาจจะทำให้มีอาการมากขึ้น
สาเหตุของโรค
เมื่อมีการตั้งครรภ์จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และระบบภายในร่างกาย ส่งผลให้เกิดแรงบีบของหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างที่ต่อกับส่วนต้นของกระเพาะอาหารทำงานลดน้อยลง อีกทั้งมดลูกที่โอบอุ้มทารกที่เติบโตขึ้นตามอายุครรภ์มีการขยายขนาดขึ้นจนไปกดและดันกระเพาะอาหาร ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มีกรดไหลย้อนจากกระเพาะขึ้นเหนือหูรูดหลอดอาหาร ซึ่งกรดจากกระเพาะมีฤทธิ์กัดเนื้อเยื่อของหลอดอาหารทำให้รู้สึกแสบร้อน ปวดที่ยอดอก เรอเปรี้ยวดังกล่าว
โรคนี้ส่งผลกระทบกับแม่และลูกในท้องไหม?
อาการเหล่านี้แม้ไม่มีผลกระทบกับทารกในครรภ์หากคุณแม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ก็บั่นทอนคุณภาพชีวิตของคุณไม่น้อย เช่นทำให้ไม่สบายตัว เป็นอุปสรรคต่อการพักผ่อน โดยเฉพาะในเวลากลางคืนที่อาจรู้สึกจุกแน่น เสียดและแสบยอดอกจนนอนไม่ได้ แต่ในระยะยาวหากคุณแม่ยังเป็นโรคนี้อยู่ ก็อาจเกิดการอักเสบของหลอดอาหารเรื้อรังที่รุนแรงมากขึ้น เช่น Barrett’s Esophagus ซึ่งเป็นภาวะที่อาจจะกลายเป็นมะเร็งหลอดอาหารในอนาคตได้
วิธีการดูแลและการรักษา
การปรับพฤติกรรมบางอย่างจะช่วยลดอาการของกรดไหลย้อนในหญิงตั้งครรภ์ได้ โดย
- หลีกเลี่ยงอาหารและปัจจัยที่ทำให้โรคนี้รุนแรงมากขึ้น เช่น อาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยว
- ควรแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อย่อยๆ ไม่ควรรับประทานครั้งละมากๆ และรับประทานมื้อเย็นให้เร็วขึ้น คือห่างจากเวลาเข้านอนไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง
- นอนหนุนศีรษะสูงขึ้น
- หาวิธีจัดการกับความเครียดด้วย เพราะความเครียดกระตุ้นให้น้ำย่อยหลั่งมากขึ้น
- หากได้รับยาบางชนิดอยู่ก่อน เช่น ยาโรคหอบหืดหรือยาเกี่ยวกับโรคหัวใจบางชนิด ที่ทำให้การบีบตัวของกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างลดลงก็ทำให้มีอาการของกรดไหลย้อนมากขึ้น
หากปรับพฤติกรรมต่างๆ แล้วยังไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
อย่างไรก็ตามการรักษาอาการของโรคกรดไหลย้อนในปัจจุบันมียาหลายกลุ่มที่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยและให้ผลดี แต่สำหรับหญิงตั้งครรภ์แล้วต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์มากเป็นพิเศษ จึงควรใช้ยาที่มีผลข้างเคียงต่ำและไม่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เช่น กลุ่ม Alginates เป็นสารสกัดจากสาหร่ายธรรมชาติ มีกลไกการทำงานโดยการสร้างชั้นเจลขึ้นมาซึ่งจะลอยตัวอยู่ชั้นบนสุดเหนือของเหลวในกระเพาะอาหาร ทำหน้าที่ป้องกันและยับยั้งไม่ให้กรด น้ำย่อยและน้ำดี ไหลย้อนขึ้นสู่หลอดอาหาร กลไกการออกฤทธิ์บรรเทาอาการแสบร้อนกลางอกได้เร็วจึงสามารถทานทันทีเมื่อเกิดอาการและคงอยู่ได้นาน จึงเป็นยาที่เหมาะสมสำหรับหญิงตั้งครรภ์ แต่ควรใช้ตามคำสั่งของแพทย์
นอกจากนี้อย่าลืมที่จะเลือกเสื้อผ้าคนท้องให้เหมาะกับสรีระของตัวเอง เพื่ออารมณ์จะได้ไม่แปรปวน เมื่อเกิดการคับ หลวม เกินไป
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก http://www.healthtoday.net/
หน้าที่เข้าชม | 397,544 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 138,245 ครั้ง |
เปิดร้าน | 28 พ.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |